รีวิว (ไม่สปอยล์) : ฉลาดเกมส์โกง (9/10 หนังแนวใหม่ ที่โคตรของโคตรดี)
หนังใหม่ในสัปดาห์นี้ คงพอจะได้ยินกระแสมาบ้างแล้ว
เกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่ของ GDH
ที่นำประเด็น อย่าง “การโกงข้อสอบ” มาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
ซึ่งเราคิดว่ามันแปลกใหม่ และน่าสนใจมาก อยากดูแล้วป่ะล่ะ! งั้นตามมา
“การโกงมันต้องมีคนที่เสียประโยชน์ แต่นี่เราโกง แล้วเราได้เงิน
อีกฝ่ายทำข้อสอบได้ วิน-วิน ทั้งคู่ จะเรียกว่าโกงได้ยังไง”
ในที่สุด ประเทศไทย ก็มีหนังแนวนี้ออกมาเสียที
เบื่อกับหนังไทยที่วนเวียน อยู่กับ ตลก ผี และ Feel good
เรียกได้ว่างานนี้ GDH ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ เหมือนนั่งดูฮอร์โมน
ตอนการโกงข้อสอบ ฉบับภาพยนตร์
แต่ขอเตือนตรงนี้เลยว่า ไม่รู้คนอื่นถ้าไปดูแล้ว มองว่ายังไง แต่หนังเรื่องนี้
สำหรับเรา มองว่ามันล่อแหลมต่อจริยธรรมและความดีงาม ของเยาวชนมาก หากดูเอาสนุกก็โอเค
แต่ถ้าดูแล้วมองในแง่มุมผิดๆ และนำไปใช้ อาจส่งผลต่อจริยธรรมอันดีงามที่ไม่ควรมาก
ก็หวังว่า เยาวชนที่เข้าไปดูจะคิดเป็น และเลือกรับสิ่งดีๆในหนังมาทำตาม และกัน
ภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง กำกับโดย นัฐวุฒิ
พูนพิริยะ ซึ่งผลงานที่ผ่านมา ก็คือภาพยนตร์ไทยแนวใหม่อย่าง เคาท์ดาวน์
นั่นเอง
เรื่องย่อ ตาม Trailer
ทุกครั้งที่ฝนดินสอลงกระดาษสอบ ล้วนมีความหมาย ลิน (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) นักเรียนสายเรียนดี ถึงขั้นอัจฉริยะ เจ้าของ เกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกปีการศึกษา
แต่ด้วยการที่เธอมักจะต้องช่วยบอกข้อสอบให้กับเพื่อนซี้อย่าง เกรซ (อิษยา ฮอสุวรรณ) นักเรียนสายกิจกรรมแต่ผลการเรียนกลับสวนทางและ พัฒน์
(ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยในและมีแนวคิดว่าเงินซื้อทุกอย่างได้แม้กระทั่งคำตอบของข้อสอบ
ทำให้ ลิน ฉุกคิดธุรกิจให้ลอกข้อสอบนี้ขึ้นมาได้
และสร้างรายได้ให้เธออย่างเป็นกอบเป็นกำ และเมื่อการโกงสอบสุดท้าย อย่าง STIC
ข้อสอบระดับโลกเพื่อใช้ยื่นเรียนมหาลัยในอเมริกา ใกล้เข้ามาถึง นักเรียนหลายร้อยคนต่างคาดหวังจะนำคะแนนสอบเหล่านี้เพื่อเปิดทางเข้าสู่เหล่ามหาลัยชั้นนำ
ในการบอกข้อสอบสุดท้าทายครั้งนี้ เธอตัดสินใจบินไปสอบที่ประเทศซึ่งเวลาเดินเร็วกว่าไทย
เพื่อรีบนำมาบอกข้อสอบแก่เหล่าลูกค้าของเธอ โดยเธอต้องหาผู้ช่วยอย่าง แบงค์
(นน ชานน สันตินธรกุล) นักเรียนทุนคู่แข่ง ที่ไม่ชอบการทุจริตใดๆ
ในขณะที่เดิมพันเงินรางวัลที่สูงมากขึ้น ความยากในการโกงข้อสอบและความไม่ปลอดภัยของพวกเธอก็สูงขึ้นเช่นกัน
พูดเลยว่าเป็นหนังที่ ตีแผ่ ครบถ้วนทั่วทุกประเด็นในสังคม
ที่เชื่อว่าใครผ่านประสบการณ์ เข้ารั้วโรงเรียน หรือมหาลัยมา
ต้องเคยชินหรือผ่านตากับเรื่องพวกนี้
ไม่ว่าจะเป็นประเด็น
การโกงข้อสอบ เป็นเรื่องปกติหรือไม่ / ทำไมถึงต้องมีการโกง / โกงแล้วผิดไม่ผิด
/ ระบบทุนนิยม ที่
บันดาลทุกอย่างได้ด้วยเงิน / สิ่งใดควรไม่ควร /
ความสำนึกรู้ผิดตั้งแต่เด็กยันคนเป็นพ่อแม่ / ความกดดันจากพ่อแม่ /
ระบบการศึกษาบีบให้ต้องโกงรึเปล่า / โกงแล้วผิดไม่ผิด ในเมื่อคนส่วนใหญ่ก็ทำ /
คนจนมีโอกาสน้อยกว่ามั้ย / คนจนแต่ดันฉลาด กับคนรวยแต่โง่ สังคมอ้าแขนรับใครมากกว่า
/ อาจารย์ปล่อยข้อสอบ ในคอร์สติวเตอร์ที่ตัวเองสอนเอง /
ระหว่างสังคมกับความถูกต้อง คุณเลือกอะไร
และอีกหลากหลายประเด็น ซึ่งหนังเรื่องนี้ ใส่เข้ามาได้อย่างลงตัว
ไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่พอให้ฉุกคิด และจุกได้ในทุก Shot
แทบจะพูดได้ว่า ถ้าคุณมีจริยธรรม และความถูกต้องในใจไม่สูงพอ ดูหนังจบ
เดินออกจากโรง จริยธรรม อาจจะเสียทันที และอาจเกิดคำถามมากมายในใจ จนแยกไม่ออกว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด
สิ่งใดควรไม่ควร ชื่นชมอย่างมากที่หนังพาเรามาได้ถึงขั้นนี้ ยอมรับว่ามีไม่กี่เรื่อง
ที่แอดดูแล้ว จะเกิดการตั้งคำถามถูกผิดในใจเยอะขนาดนี้ เรื่องนี้ เป็นหนึ่งในนั้น
แม้ประเด็นในหนังจะแตะแทบทุกประเด็น แต่จะมีประเด็นหลักๆ
ไม่กี่ประเด็น ที่ทำให้เรื่องนี้ดำเนินไป นั่นคือ ความถูกผิด
และแรงกระตุ้นของการโกง / ระบบการศึกษา และระบบทุนนิยม /
การเลี้ยงดูสั่งสอนจากคนเป็นพ่อเป็นแม่
การโกงข้อสอบ เชื่อว่าหลายคนมากกว่า 90% ต้องเคยทำ อาจเป็นทั้งคนให้ลอก
และคนลอก สำหรับแอด เคยทำมาหมดแล้วทั้งสองแบบ ถามว่าตอนนั้นทำไปเพื่ออะไร สำหรับแอด
ก็ทำเพื่อคะแนนไง อยากได้คะแนนเยอะๆ ไม่แพ้ใคร
ยอมรับว่าตอนนั้นยังเด็ก
คิดไม่เป็น ถามว่ารู้สึกยังไง ก็รู้สึกแย่นะ แต่ปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อย
คะแนนก็ดีไง สำหรับคนอื่นๆ ก็อาจมีเหตุผลที่ทำแตกต่างกันไป
หนังจับจุดนี้แหละ มาขยี้แล้วขยี้อีก
หนังพยายามให้เราเห็นที่มาอันหลากหลายของการเลือกที่จะโกงเหล่านี้ของทั้งฝั่งคนลอก
และคนให้ลอก
บางคนทำเพื่อพ่อแม่ภูมิใจ - บางคนทำเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง
ที่ตนอยากได้ - บางคนทำเพราะได้เงิน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด แต่หนังสามารถดึงความจริงเหล่านี้ออกมาตีแผ่
ได้อย่างน่าตื่นเต้น และเสียดสีสังคมให้สุดฤทธิ์ - บางคนทำเพราะไม่มีเงินไปเรียนติวเพิ่ม
โดยเฉพาะประเด็น ของระบบการศึกษาไทย ที่ถูกระบบทุนนิยม กลืนไปแล้ว โรงเรียนเลือกที่จะรับค่าน้ำชา จากผู้ปกครอง โดยอ้างว่าเป็นค่าบำรุงการศึกษา
ผู้ปกครองก็ยินดีจ่ายเพื่อแลกกับสังคมของลูก และชื่อเสียงของตัวโรงเรียน
หนังเลือกที่จะบี้ประเด็นนี้ ให้เราเห็นความสีเทาในสังคมไทย
ที่ชาติอื่นไม่มี สิ่งที่คนไทยทำจนเป็นเรื่องปกติ จนลืมนึกไปว่า
เยาวชนของเราจะเป็นอย่างไร พ่อแม่บางคนอาจไม่บอกลูก
แต่กลับหลอกลูกว่าลูกเก่งเลยสอบติด แต่เบื้องหลังยัดเงินให้โรงเรียนไปเท่าไหร่
เด็กบางคนที่รู้ ก็อาจไม่เข้าใจในเหตุผลของผู้ใหญ่ และกลายเป็นความเชื่อผิดๆ
หนังทำให้เราเห็นว่า การโกงข้อสอบ เด็กจะไม่ทำกันเลย
ถ้าไม่มีแรงกระตุ้นบางอย่าง และถามว่าแรงกระตุ้นนั้นมาจากไหน ก็คงหนีไม่พ้นพ่อแม่ ที่คาดหมายสูงมาก
ทิ้งทุกความคาดหวังให้กับลูก โดยไม่ถามความต้องการของลูก
และยังมาถูกบีบคั้นด้วยบรรยากาศแห่งการแข่งขันกันที่โรงเรียน อะไรบางอย่างที่ไม่สมดุลในระบบการศึกษาซึ่งมีความกดดันสูงมากจนมักทำให้ความเพลิดเพลินในการเรียนถูกแทนที่ด้วยความกดดันที่จะต้องทำคะแนนให้ดี ๆ
ซึ่งบางครั้งต้องยอมทุจริต
ทำให้หลายคนแม้แต่เด็กเรียนเก่ง ยังไม่มั่นใจในความเก่งของตัวเอง
และเลือกที่จะทุจริต เพื่อสร้างความมั่นใจ
อีกครั้งการจะฉลาดได้นั้นบางครั้งต้องแลกด้วยเงิน
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนพิเศษ ต่างๆ เพื่อให้ทันคนอื่น จนเป็นผลต่อเนื่องไปยังความเหลื่อมล้ำของคนรวยคนจน
เด็กดีๆ บางคนก็ต้องอยู่เงียบๆ ยอมให้การทุจริตเกิดขึ้น ไม่อยากบอกครู เพราะไม่อยากให้เพื่อนเกลียด
หนังได้ทำให้เราเห็นว่า รากแก้วของความทุจริต ฝังรากลึกมาในสังคม
ตั้งแต่ไหนแต่ไร กลืนไปกับระบบต่างๆ จนกลืนผู้ใหญ่ไปด้วย และก็ลามมาถึงเด็กๆ สิ่งที่พ่อแม่ทำไปเพราะรักลูก เช่นการเสียตังซื้อที่เรียนให้ลูก การใช้เงินแก้ปัญหา กลับเป็นการหว่านเมล็ด แห่งการโกง และทุนนิยม ฝังเข้าไปสู่รุ่นลูกหลานต่อไป โดยไม่รู้ตัว
กว่าเด็กส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าพ่อแม่ทำไปเพราะรัก ก็อาจแก่จนมีลูกแล้ว
และยิ่งเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยเงิน คุณธรรมอาจหลุดลอยไปจนยากจะคืนกลับมา
ซึ่งกลับมามองในมุมหนัง
บทภาพยนตร์ ใส่ทุกอย่างที่พูดมา ได้อย่างครบถ้วน
แต่เป็นการใส่มาแบบให้คนต้องตีความเอง ซึ่งตรงนี้มองเป็นข้อเสียข้อใหญ่
ของค่ายหนังที่เชื่อว่าเยาวชนจำนวนมากจะดู เพราะการที่เยาวชนเข้ามาดู
อาจทำให้รับอะไรผิดๆกลับไป การทำหนังเพียงเพื่อกระแส เพื่อความแรง อาจไม่ดีเสมอไป ซึ่งเป็นเรื่องที่แอดรู้สึกน่าห่วงมาก
ก็คาดหวังว่าเยาวชนไทยจะโตพอที่จะแยกแยะได้
แต่นั่นก็เป็นข้อเสียเดียวเท่านั้น แต่ข้อดีของหนัง ก็มีมาก
จนถ้าจะดูแบบไม่คิดมากอะไร ก็เป็นหนังที่สนุกโคตรๆ เลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง
ที่ไม่เคยผิดหวังกับการแสดงของเด็กๆจากค่ายนี้ เอาอยู่ทุกคน โดยเฉพาะ น้องนน
และนักแสดงนำหญิงของเรื่อง ที่แสดงได้ดีมาก เนิร์ดจริงอะไรจริง จนต้องยกนิ้วให้ (น้องนนน่ารักโคตร
แอดกรี๊ดดดดเลย บอกตง)
ยังไม่นับรวม
ความแปลกใหม่ เก่ไก๋ สไลด์เดอร์ ของบทหนัง ที่ไม่ซ้ำใคร
จังหวะหนังที่โคตรตื่นเต้น และลุ้นไปกับตัวละครในเรื่อง ช่วงลุ้นๆ
เกร็งตัว จิกเบาะขาด กันเลยทีเดียว
ความ 10 10 10 ของวิธีโกงข้อสอบ ที่ใช้ในหนัง จนแอบคิด
ถ้าคิดการโกงได้ขนาดนี้ พวกหนูเอาสมองไปลงกับการเรียน มันคงจะดีกว่านี้ และไม่เสียเงินเสียทองมาจ้างเขาให้ช่วยโกง
ชอบการที่หนังทำให้เห็นว่า เด็กที่คิดว่าตนโง่ มาลอกข้อสอบเนี่ย
แต่ละคนก็มีเรื่องที่ตนถนัด ซึ่งถ้าไปเอาดีในด้านที่ถนัดของแต่ละคน อาจทำให้มีเรื่องดีๆในสังคม
งอกงามกว่านี้
การแสดงของน้องเจมส์ที่เรียกเสียงฮาได้ ตลอดเรื่อง
การโยนคำถามมากมายให้กับ คนดู ให้เก็บไปคิดต่อ หนังไม่บอกว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด
แต่ต้องการให้เราตกผลึกได้เอง
“จงอย่ากลัวและเสียใจในการทำความดี และความซื่อสัตย์”
สำหรับแอดชอบตอนจบของหนัง ที่ให้เกิดการปะทะกันระหว่าง ความดี ความเลว
ความละอาย ความถูกต้อง ในใจเรา การที่หนังทำให้เห็นว่า สังคมที่บีบคั้น ความลำบาก
ความจน ก็อาจเปลี่ยนคนจากมีเป็นไม่มีคุณธรรมได้ เช่นกัน ความรัก และความสุข
ความสบายใจ ก็ดึงคนจากจิตสำนึกด้านมืด กลับมาสู่ด้านสว่างได้
สุดท้ายคงต้องทิ้งคำถามไว้เช่นกันว่า การโกงนั้นผิดไม่ผิด แต่แอดเชื่อว่า
เรารู้อยู่ลึกๆ อยู่แล้วแหละ ตัวคุณเองบอกได้อยู่แล้วว่าผิดหรือเปล่า
แต่คนเราจะมีข้ออ้างมาสนับสนุนการทำความผิด ของเราทั้งนั้นแหละ เพื่อหลอกตัวเองให้รู้สึกดี
ไปวันๆ นานวันเข้าความละอายก็จะหายไป และเมื่อหลายคนเต็มใจละทิ้งมาตรฐานด้านความซื่อสัตย์
อาจทำให้การทุจริตถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่เสียหาย และเกิดปัญหามากมายในสังคมตามมา
หรือเพราะสังคมเป็นแบบนี้หรือเปล่า ถึงได้โกงเอาโกงเอา
โลกนี้มันเป็นสีเทานะ ทำให้บางครั้งความถูกต้องในจริยธรรม
ไม่อาจดำรงได้ในสังคมจริง
แต่ถ้าจะบอกว่าโกงแล้ว วิน-วิน เนี่ย คงคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อย ทุกอย่างมีผลลัพธ์จากการกระทำ ไม่มีอะไรในโลกที่ วิน-วิน แล้วในภาพกว้างไม่มีคนเสียประโยชน์ จงตระหนักว่า ทุกการกระทำที่เราทำลงไป จะส่งผลต่อโลกนี้เสมอ เวลาทำอะไรจะได้คิดเยอะๆ ก่อนทำ
ซึ่งตัวละครเอกในเรื่อง ตอนท้ายก็ได้รับรู้ถึงผลลัพธ์นั้นแล้วกันถ้วนทั่ว
แต่ถ้าจะบอกว่าโกงแล้ว วิน-วิน เนี่ย คงคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อย ทุกอย่างมีผลลัพธ์จากการกระทำ ไม่มีอะไรในโลกที่ วิน-วิน แล้วในภาพกว้างไม่มีคนเสียประโยชน์ จงตระหนักว่า ทุกการกระทำที่เราทำลงไป จะส่งผลต่อโลกนี้เสมอ เวลาทำอะไรจะได้คิดเยอะๆ ก่อนทำ
ซึ่งตัวละครเอกในเรื่อง ตอนท้ายก็ได้รับรู้ถึงผลลัพธ์นั้นแล้วกันถ้วนทั่ว
คะแนน >>>> 9/10 (โคตรเยอะอะ ตั้งแต่รีวิวมา)
บอกเลยนะ คะแนนนี่ไม่ได้ อวย หนังดีก็ว่าไปตามดี ซึ่งหนังเรื่องนี้
โคตรจะดีอะ
เป็นหนังที่ควรค่าแก่การเสียเวลาไปนั่งดู เชื่อว่าผู้ใหญ่อย่างเราๆ
เนี่ยแหละไปดูเถอะ ประสบการณ์ และมุมมอง จะทำให้เราได้อะไรมากมายจากหนังเรื่องนี้กลับมา
แน่นอน
ส่วนเด็กคนไหนที่ชอบลอก รู้ไว้เถอะ ขึ้นมหาลัยเมื่อไหร่ ความซวยจะมาเยือน 555
ไม่ต้องถามนะว่า คุ้มป่ะล่ะ โคตะระคุ้มเลยครับ หนังบ้าอะไร
เสียดสีได้ครบขนาดนี้
อย่าลืมไปพิสูจน์กัน ในโรงภาพยนตร์วันนี้ เชื่อเลยว่ากระแสต้องดี
ร้อยล้านเกินแน่นอนเรื่องนี้
“เวลาผ่านไป ประสบการณ์จะสอนเราเองว่า โลกแห่งความจริงมันโหดร้าย
ความถูกต้องไม่ใช่ความจริงเสมอไป ความจริงก็อาจไม่ใช่ ความดีเสมอไป
บางเรื่องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่บ้าง จะสบายใจกว่า และเมื่อกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ก็จงกล้ารับผลที่ตามมาจากการกระทำนั้น”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น