Cafe : The Blooming Gallery (Tea Cafe & Bar)
เมื่อเดือนก่อน ได้มีโอกาสผ่านไปแถวตึก Eight Thong Lor เพราะอยากจะไปทานอาหารที่ร้าน House 10 แต่กลับเห็นร้านปิดก่อสร้าง จนเมื่อสัก 2 อาทิตย์ก่อนได้มีโอกาสผ่านไปใหม่ ถึงเห็นว่า กลายเป็นร้านคาเฟ่ ไปเสียแล้ว พอรู้ว่าร้านนี้มีชาให้จิบ ยิ่งดึงดูดความสนใจเข้าไปใหญ่
เธอ เธอ น่าสนป่ะล่ะ? -- สนดิ จะพลาดได้งาย งั้นปายลองดีกว่า
เมื่อวันก่อน จึงลากเพื่อนๆ ติดสอยห้อยตามไปสัก 2 คน คือไม่ใช่อะไร คืออยากทานหลายอย่างไง
สุดท้ายก็มีเหยื่อหลงกล มานั่งจิบชายามบ่ายเป็นเพื่อน งั้นไปเลยละกัน
The Blooming Gallery เป็นร้านคาเฟ่ ที่ดูเรียบหรู ละมุนละไม แปลกตากว่าคาเฟ่อื่นๆ ที่เคยเห็นอยู่บ่อยๆ ร้านตั้งอยู่ที่ 8 ทองหล่อ ติดร้านสเต็กชื่อดังอย่าง El Gaucho Argentinian Steakhouse (เดี๋ยววันหลังจะพามาลอง)
เดินลงบันไดวน สวยๆ เจ้าหญิงๆ ลงมา ก็จะเจอกับร้าน เป็นร้านคาเฟ่ ที่เรียกตัวเองว่า Tea Cafe & Bar ทำให้ดูแตกต่างจากคาเฟ่ขนมทั่วไป ที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยๆ ในไทย ตอนเดินเข้าไปในร้าน แล้วชวนให้นึกถึงร้านน้ำชาที่ โตเกียว อย่าง Aoyama Flower Market Tea house
ในร้านตกแต่งด้วยดอกไม้ ใบหญ้า โดยเฉพาะพลูด่างที่จะเห็นเต็มไปหมด จนถึงกับเอาบรรดาดอกไม้ และใบพลูด่าง ไปอยู่ในโลโก้ร้าน สไตล์เหมือนนั่งอยู่ในเรือนดอกไม้
รู้สึกว่าดอกไม้ภายในร้าน จะเป็นดอกไม้ที่จัดมาให้โดย คุณกิ๊ก เจ้าของร้าน Heartmade นะเราว่า
ร้านดูไม่ใหญ่โต เล็กๆ น่ารักๆ ตั้งแต่เดินเข้ามา ร้านจะมีจุดให้นั่งรอภายในร้าน สำหรับช่วงพีคๆ ที่โต๊ะเต็ม ซึ่งคิดว่าจะเต็มเรื่อยๆ ในช่วงเสาร์ อาทิตย์ เพราะร้านมีโต๊ะไม่เยอะ รองรับในแต่ละรอบได้แค่ประมาณ 30 คน
หน้าร้านมีซุ้มดอกไม้สวยๆ ให้มายืนถ่ายรูป
เดินเข้ามาในร้าน จากประตูร้าน ด้านซ้ายจะพบกับโซนที่ทางร้าน จัดไว้สำหรับโชว์ผลิตภัณฑ์ของร้าน ยาวไปจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ ไม่ว่าจะเป็น กาน้ำชา ผงชา ยันลิปสติก
มีกระปุกที่บรรจุใบชาให้ดม ก่อนซื้อ
มีลิปสติกด้วย ไม่รู้เป็นยังไง แต่ราคาก็ไม่เบาเลย
มาดูภายในร้านกันบ้างดีกว่า
The Blooming Gallery ตกแต่งโดยเน้นธีมดอกไม้ และกระถางต้นไม้ เน้นใบไม้ที่มีระย้าห้อยลงมา ดูแปลกตากว่าคาเฟ่ทั่วไป (ส่วนใหญ่แบบนี้จะเห็นตามร้านอาหารมากกว่า) เพิ่มความแพงให้ร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ตัดกับอิฐเปลือยตามกำแพง และตัวร้านที่เป็นกระจกโปร่งใส ให้อารมณ์เหมือนเรือนเพาะชำตามเมืองหนาว โดยต้นไม้ ดอกไม้ ในร้านเป็นของจริงเกือบทั้งหมด และสวยงามมากด้วยนี่สิ
ถึงร้านจะเป็นกระจก แต่หน้าร้อนแบบนี้ ร้านก็เย็นสบาย อาจจะเพราะมีใบไม้สีเขียว เยอะไปหมด เลยทำให้ร้านดูสดชื่น
ร้านอาจจะดูเล็กๆ ไปหน่อย แต่ก็ให้ความรู้สึก อบอุ่น ปนคึกคักดี และการที่ร้านติดกระจกเงาไว้ตามกำแพงอิฐ ทำให้ร้านดูมีสเปซเยอะขึ้นมาก อีกทั้งการจัดวางของต่างๆในร้าน จะดูเยอะแยะไปหมด แต่กลับให้ความรู้สึกลงตัว ไม่รู้สึกแน่นขนาดนั้น ถ้าจะแน่น ก็น่าจะแน่นคนนี่แหละ แอดนั่งอยู่นานพอควร ช่วงคนน้อยๆ นี่ฟินสุดๆ
ร้านมีเคาน์เตอร์บาร์เก๋ๆ ให้นั่งเล่นด้วย สำหรับคนมาเดียว หรือจะมาเป็นคู่แต่ขี้เกียจรอโต๊ะ
ถึงเวลาดูเมนูอาหารของร้านกันแล้ว
ในเมื่อเป็นร้านคาเฟ่ที่ เน้นให้มาจิบชา กับอาหารและขนม เปิดเมนูมาหน้าแรกเลยเน้นไปที่เครื่องดื่มกันก่อนเลย
ไม่ใช่อะไรนะ แต่วันนี้เราเน้นมาจิบชา เพราะฉะนั้นเครื่องดื่มอื่นขอข้ามไป ไว้ครั้งหน้าจะมาลองละกัน
ที่นี่มี High Tea Set ให้ลิ้มลอง อาจไม่หรูหรามากเท่ากับตาม Afternoon Tea ในโรงแรม แต่ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน โดยราคาเริ่มต้นที่ 850 บาท! หรือใครจะลองเป็น Scone set ที่มีชา 1 กา (คนอื่นเค้าเรียก พอต เราเรียก กา เก๋ดี) เสิร์ฟพร้อม Scone 2 ชิ้น ในราคา 385 บาท แต่ช่วงนี้ภาระทางบ้านเยอะ จึงต้องเก็บงบไปลงกับของหวานแทนละกัน
จึงขอสั่งเป็นกา แทน โดยทางร้านก็มีขายเป็นกาน้ำชา คิด กาละ 150-180 บาท แล้วแต่กลิ่น (อืม ราคาค่อยคุยกันได้หน่อย)
ก่อนจะสั่ง ทางร้านก็มีกลิ่นชามาให้เลือกกันก่อน โดยส่งแคตตาล็อคชามาให้เลือกชม ในรูปของกระปุกยาดม บรรจุใบชากลิ่นต่างๆ ไว้ ประมาณ 20 กลิ่น เอาเป็นว่าดมกันให้มึนไปเลย เห็นว่าทางร้านเค้า Blend เองซะด้วย
ซึ่งชาที่เราสั่ง ก็จะได้กลิ่นแบบที่ดมไม่ผิดเพี้ยน ดังนั้นไม่ต้องคิดมากว่า ตอนดม กับของจริงจะต่างกัน
กลิ่นมีเยอะแยะมากมาย แต่แอดค่อนข้างชอบ กลิ่น Wildest Dream ที่เป็นส่วนผสมของชาขาวกับชาเขียว กับดอกไม้บางอย่าง ที่ชวนให้รู้สึกเบาสบาย
แต่เนื่องจากวันนี้เราดันลากคอกาแฟมาถึง สองคน สุดท้ายหวยจึงไปออกที่ กลิ่น Coffee Lovers
เย้ๆๆ มาเสิร์ฟแล้ว
ร้านจะมีนาฬิกาทรายเล็กๆ น่ารักๆ วางมาคู่กับ กาน้ำชา เพื่อบอกว่า ถ้าทรายร่วงตกลงมาหมด แสดงว่าได้เวลารินชาจ้า (ระหว่างรอ ก็ได้แต่ภาวนาให้ ร่วงลงมาเร็วๆ)
ซึ่งสำหรับ Coffee Lovers Tea นี้ เนื่องจากพาคอกาแฟ มาด้วย คะแนนเลยล้นไปเสียหน่อย เพื่อนให้ 9/10 แต่สำหรับคอชา และช็อคโกแลต อย่างเรา ให้คะแนนกลิ่นและกัน 8.5/10
สำหรับ Scone ซึ่งเป็นเมนูที่เน้นทานกับชานั้น พวกเราไม่ได้ลอง แต่เห็นว่าเป็น Signature ของร้านเช่นกัน โดยมีหลากหลายรส เช่น Original, Rose, Lavender, Earlgrey โดยจะเสิร์ฟพร้อมกับแยมรส Berry และ Clotted cream ที่นำเข้ามาจากอังกฤษกันเลยทีเดียว ไว้มีโอกาสครั้งหน้าจะไปลอง Scone set ดู
ที่ร้านยังมีเมนูอาหารคาวอีกหลายเมนูให้ลิ้มลอง ตั้งแต่ Starter ยัน Main Course แต่เนื่องจากเราทานอาหารกลางวันกันมาแล้ว จึงขอข้ามไปที่ขนมหวานเลยละกัน :)
ขนมในร้านนี้มีไม่มากนะ แค่ 5 เมนู แต่ก็พอให้คนที่แวะเวียนมาที่ร้าน เพลิดเพลินได้ไม่ยาก เนื่องจากขนมที่ร้านนี้ เป็นแนว Modern Plated Dessert ที่เน้นการแต่งจานสวยๆ สไตล์ญี่ปุ่น ผสมกับหลัก Science โดยจะมี Presentation เสนอของหวานแต่ละจานเป็นลูกเล่นนิดๆ ก่อนทาน ลองไปดูกันได้เลย
บอกแล้วว่าเน้นของหวาน (ทานคาว ไม่ทานหวาน สันดานไพร่ นะแจ๊ะ 555 เกี่ยวมั้ย) ฉะนั้นจึงจัด Signature ไปเลย 3 เมนู เริ่มกันที่
เมนูแนะนำอันดับ 1 ของร้าน The Blooming Garden แค่คะแนนจาน และการตกแต่ง ก็เอาไป 10/10
เป็นเหมือนก้อนเค้กบนสนามหญ้า ส่วนที่เป็นพื้นสีเชียว ทำมาจากผงถั่ว Pistachio และมีไอศกรีม Pistachio วางมาข้างๆ คู่กับ ไคลแมกซ์ของจาน อย่าง Freshly Baked Pistachio Chocolate Lava
ผ่าออกมา ลาวาพิตาชิโอ เยิ้มออกมาเลย โดยรวมรสชาติก็โอเคนะ จืดไปนิด พอรวมกับการ Decorated และลูกเล่นของจาน กับราคาที่คิดว่าค่อนข้างสูงไปหน่อย ขอลดมาให้ 7/10
ไปต่อที่จานต่อไป
The Path In The Forest อันนี้ดีงาม ไม่เลี่ยนเกินไป ทานได้เรื่อยๆ แต่แอบไม่ค่อยเย็น เอาไป 8/10
จานนี้เป็น Matcha Green tea Mousse พื้นล่างสุดเป็น Crumble ตามด้วยชีสเค้ก ในชั้นที่ 2
มูสกรีนที ในชั้นที่ 3 และซอฟครีมในชั้นบนสุด ก่อนโรยด้วยผงชาเขียวพรี่เมี่ยม จนล้น
เสิร์ฟในชามหิน พร้อมกับช้อนไม้คนละคัน
ลูกเล่นจานนี้คือทางร้าน จะมาโรยผงชาเขียวแบบล้นๆ ให้ดูกันสดๆ เลย
แต่กลับรู้สึกว่ามันอุ่นไปหน่อย ถ้าเย็นกว่านี้จะดี เพราะชามหินที่เสิร์ฟมาเย็นมาก แต่มูสกลับไม่เย็นตาม
แนะนำให้ทานด้วยช้อนอลูมิเนียมแทน เพราะแอดลองแล้ว รสชาติและสัมผัสที่ได้ เวิร์คกว่าช้อนไม้
จานสุดท้าย
The Wood Lane จานนี้ไม่ใช่ Signature ของร้าน แต่เป็นเมนูแรกของเมนูของหวาน ขนาดเทียบกับราคาค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ แต่รสชาติและการพรีเซนต์ที่ดีงาม เอาไป 8.5/10 เลย
ควันที่อบมา ทำให้เค้กหอม และละมุนลิ้นมากขึ้น ซอสก็ดี ไอศกรีมเอิร์ลเกรย์ ก็เข้าก๊านเข้ากัน
จบงานเคลียร์บิล ทานกัน 3 คน ค่าเสียหายก็เฉียด 1,400 บาท ถือว่าก็แพงมากอยู่สำหรับมื้อของหวาน
แต่โดยรวม ก็ถือว่าให้เป็นค่าการพรีเซนต์ขนม การตกแต่ง และทำเลร้านละกัน
ยังไงมาแล้ว ก็ควรถ่ายรูปให้คุ้ม ร้านสวย ถ่ายออกมาแล้วสวยจริงๆ ใครมาต้องได้รูปสวยๆ แน่นอน
แอดก็มีมาฝากให้ดูกันเยอะเลย :) แต่วันนี้นางแบบที่มาด้วยไม่พร้อม เพราะไม่คิดว่าจะต้องมาร้านแบบนี้
ชุดไม่เต็มพอ เลยเก็บบรรยากาศ สวยๆในร้านให้ดูไปก่อนก็แล้วกัน
- ชอบหลายอย่างในร้านนี้ ทุกอย่างดูน่ารัก ฟรุ้งฟริ้งไปหมด เหมาะกับการพาเพื่อนสาวไปนั่งเมาท์ จิบชาเบาๆ ถ่ายรูปชิคๆ -
THE BLOOMING GALLERY คาเฟ่ น้ำชา อันละมุนละไม
ค่าความเสียหายต่อหัว 400++
---------------------------------------
จุดเกิดเหตุ : 8 Thong Lor สุขุมวิท 55 (ที่นี่จอดรถฟรี 3 ชม. นะ)
เปิดทุกวัน : 10.00-22.00น. โทร 02-063-5508 (เสาร์-อาทิตย์ ควรโทรจองก่อนถ้าไปเยอะ)
รีวิวมาขนาดนี้ อยากไปแล้วใช่ป่ะล่ะะะะะ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น