รีวิว (ไม่สปอยล์) – Pirates of the Caribbean : Salazar’s Revenge (8/10 ครบรส และคืนฟอร์มอย่างสมเกียรติ)
หนังใหม่ที่คงไม่มีใครไม่รู้จักและควรต้องดูยิ่งในสัปดาห์นี้
หนังภาคต่อโจรสลัดสุดมันส์
คิดแล้วว่าต้องดี ต้องดีแน่ๆ
และก็เป็นภาคที่ดีโคตร และสนุกครบรส เหมือนตอนดูภาค 2-3
อยากดูแล้วป่ะล่ะะะะะะ?
ไปดูกันเลยดีกว่า
“คนตายแล้ว
ไม่อาจเล่าอะไรได้”
กลับมาอีกครั้งกับตำนานภาคต่อของ
Pirates
of the Caribbean ภาพยนตร์โจรสลัดแนวแฟนตาซี
ที่ทำให้เราหลุดไปในยุคของโจรสลัด
ในตอนจบของแต่ละภาคก็ทิ้งปมที่ทำให้เราอยากดูภาคต่อเสียเหลือเกิน ซึ่งมาภาคนี้กำกับโดย Espen Sandberg และ Joachim Ronning
ภาคนี้อาจถือเป็นการลองของใหม่ของดิสนีย์ก็ว่าได้ เพราะทั้งสองเป็นผู้กำกับนอกฮอลลีวู้ด
จากนอร์เวย์ นับเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของโปรดิวเซอร์ เจอรี่ บรัคไฮเมอร์
ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง ที่เป็นคนสร้างโลกโจรสลัดนี้ขึ้นมาตั้งแต่ภาคแรก โดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องเล่นในดิสนีย์แลนด์
โดยสูตรสำเร็จที่ทำให้หนังชุดนี้ประสบความสำเร็จคือการปลุกวิญญาณโจรสลัดแห่งท้องทะเล
และพาคนดูผจญภัยไปกับ แจ็ค สแปร์โรว์ กัปตันขี้เมาที่กลายเป็นภาพจำของนักแสดงหนุ่ม
จอห์นนี่ เด็ปป์ ผสมผสานกับเรื่องราวความรักต่างฐานะของ วิล เทอร์เนอร์ และ
อลิซาเบธ สวอนน์ ที่ได้พ่อหนุ่มเลโกลัสจากหนังเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะริง อย่าง
ออร์แลนโด บลูม และ สาวสวยแห่งเกาะอังกฤษอย่าง เคียร่า ไนท์ลีย์ มาแสดง
ทำให้หนังภาคแรกในชื่อตอน
The
Curse of The Black Pearl ที่ออกฉายในปี 2003 ประสบความสำเร็จอย่างดีจนมีภาคต่อตามมาอีก
2
ภาคในปี
2006
และ
2007
กลายเป็นหนังไตรภาคโจรสลัดกับคู่รักแห่งอังกฤษภายใต้การกำกับของ
กอร์ เวอร์บินสกี้
และทิ้งช่วงหายไปอีก
4
ปี
เจอรี บรัคไฮเมอร์ ก็นำภาค 4 ออกฉายในชื่อตอน On Stranger Tides โดยให้ผู้กำกับหนังเพลงออสการ์เรื่อง
Chicago
อย่าง
ร็อบ มาร์แชล มากุมทีมนำแจ็ค
สแปร์โรว์กลับมาผจญภัยหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัยโดยทิ้งเรื่องราวของครอบครัวเทอร์เนอร์
ซึ่งหนังก็ถูกสับเละจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั้งบทหนังที่มีช่องโหว่และมุกตลกของตัวละครแจ็ค
สแปร์โรว์ที่เริ่มแป้ก
ดังนั้นการกลับมาในภาคที่ 5 ตอน
Dead
Men Tell No Tale หรือบ้านเราใช้ชื่อตอน
Salazar’s
Revenge จึงถือเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ทั้งต่ออนาคตของหนังโจรสลัดชุดนี้และอาชีพโปรดิวเซอร์ของ
เจอรี่ บรัคไฮเมอร์ อีกครั้ง
แอบบอกก่อนนะว่าในรีวิวนี้จะมีสปอยล์ในส่วนของภาค
1-4
ด้วย
เรื่องย่อ
เพื่อช่วยลบคำสาปของผู้เป็นพ่อที่ถูกคำสาปและกลายเป็นกัปตันของเรือฟลายอิ้ง
ดัทช์แมนในภาคก่อน ลูกชายอย่างเฮนรี เทอร์เนอร์ (เบรนตัน ทเวทส์) จำต้องออกตามหา
ตรีศูล ศาสตราวุธอันเป็นที่หมายปองของเหล่าโจรสลัดและนักเดินเรือทั่วท้องทะเล
แต่งานนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อได้เข็มทิศของ กัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์ (จอห์นนี่
เด็ปป์)โจรสลัดขี้เมา และอาศัยฝีมือการอ่านแผนที่ดวงดาวจาก คารินา สมิธ (คายา
สโคเดลาริโอ) สาวกำพร้าที่ออกตามหารากเหง้าตัวเอง แต่นอกจากคลื่นลมและสภาพเรือแล้ว
แจ็ค สแปร์โรว์และพรรคพวกยังต้องต่อกรกับไฟแค้นของกัปตัน ซาลาซาร์ (ฆาเวียร์
บาร์เด็ม)อสูรต้องสาปผู้หมายล้างบางเหล่าโจรสลัด และ กัปตันบาร์บอสซา (เจฟฟรีย์
รัช) มิตรรักคู่อาฆาตของแจ็คที่หมายปองในตรีศูลเช่นเดียวกัน
ต้องชื่นชมผู้กำกับใหม่ทั้งคู่
ที่สามารถควบคุมจังหวะการเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหลและลงตัว ทั้งการนำเสนอการผจญภัยอันน่าตื่นตา
ผสมฉากแอคชั่นตื่นเต้นที่ทำเอาลุ้นจนนั่งไม่ติดเบาะ และมีความโรแมนติกของหนุ่มสาวที่ช่วยเติมความหวานให้เรื่องราวได้อย่างดี
นับเป็นการคืนชีพและสานต่อแฟรนไชส์ให้กลับมาน่าติดตามอีกครั้งได้ดีทีเดียว
โชคดีที่เป็นบทหนังของ
เทอรี่ รอสซิโอ ที่อยู่กับหนังชุดนี้มาตั้งแต่ภาคแรกกับ เจฟฟ์ นาธานสัน
ที่ดิสนีย์วางตัวให้เขียนภาคหกของ Pirates of The Caribbean ซึ่งเป็นการเขียนบทให้กลับไปหารากเหง้าเดิมที่ทำให้คนดูตกหลุมรักหนังชุดนี้
อาทิการกลับไปสานต่อเรื่องราวของวิล เทอร์เนอร์ เล่าผ่านการผจญภัยครั้งใหม่
สร้างตัวละครผู้ร้ายที่น่ากลัวมากขึ้นคล้ายภาคต้นๆ และกล้าพอที่จะวาง แจ็ค สแปร์โรว์
ให้กลับเป็นตัวละครสมทบตามเดิม
แถมนำเรื่องราวความรัก
แบบหนังภาคแรกมาใส่ไว้ให้ตัวละครที่แทบเป็นร่างทรงของ วิล และอลิซาเบธ อย่าง เฮนรี
และ คารินา เพียงแต่นำเสนอให้เป็นแบบตลก แต่กระนั้นบทหนังก็ยังไม่ลืมที่จะใช้ประโยชน์จากอัตลักษณ์ของหนังโจรสลัดชุดนี้
โดยเฉพาะการใส่ฉากลานประหารที่ทำให้คนดูทั้งขำบวกเสียวแทนแจ็ค สแปร์โรว์ ซึ่งฉากนี้นำเสนอออกมาได้บันเทิงมาก
ทำไมต้องดู
- - ความสนุกของภาคต่อ เนื้อเรื่องในภาคนี้
ซึ่งเป็นภาคที่ 5
จะต่อเนื่องจากเนื้อเรื่องของภาคเดิม
โดยเรียง Timeline
ต่อๆ
กันมาไม่มีอะไรซับซ้อน ใครที่ไม่เคยดูภาคก่อนหน้านี้ก็พอดูสนุกอยู่นะ
แต่ถ้าเก็บภาค 1-4
มาก่อนก็จะครบรสขั้นสุด
เพราะเราจะได้เห็นตัวละครจากภาคเก่าออกมาแบบโคตรเท่ พร้อมเนื้อเรื่องที่ปิดจบและคลายปมอย่างสวยงาม
- - ด้านนักแสดง ถือเป็นโชคดีของ จอห์นนี
เด็ปป์ ที่บทหนังภาคนี้ทำให้แจ็ค สแปร์โรว์
ออกมาในสัดส่วนที่ไม่เด่นจนน่ารำคาญแต่ไม่ละเลยจนมองไม่เห็น แถมยังมีฉากที่ทำให้ได้หัวเราะและเอาใจช่วยเขาไม่แพ้ภาคแรกๆ
ส่วนเจฟฟรีย์ รัช ก็กลับมาสานต่อบทบาทกัปตันบาร์บอสซ่าได้อย่างมีสีสันเช่นเดิม
และคงไม่ต้องพูดถึง ฆาเวียร์ บาร์เด็ม
ที่ซีจีหน้าเละยังไม่เท่าการแสดงออกทางสายตาที่เพิ่มความน่ากลัวให้ตัวละครได้อย่างสุดพลัง
- - หนังทำให้คนดูฟินไม่น้อยเนื่องจากได้นักแสดงหน้าตาดีทั้งหนุ่ม
เบรนตัน ทเวทส์ หรือพ่อณเดชแห่งหนังสงครามเทวดา God of Egypt มาประกบสาวสวยลูกครึ่งอังกฤษ-บราซิลอย่าง
คายา สโคเดลาริโอ จากหนังชุด The Maze Runner โดยทั้งคู่ก็ขยันบริหารเสน่ห์ใส่คนดูและยังแสดงคู่กันได้อย่างน่ารักน่าชังอีกด้วย
- - ภาคนี้จะได้เห็นความอลังการ
CG ที่จัดเต็มมากๆ
และเนียนไปกับเนื้อเรื่องทำให้เหมือนกับเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของโจรสลัดในหนังด้วยเลย
อย่างเรือผีของซาลาซาส์ที่ลอยเกยขึ้นมาทับเรือชาวบ้าน หรือฉากที่ทะเลแยกออกเป็นสองส่วน
(มันมีอยู่ใน Trailer
นะ เราไม่ได้สปอยล์)
- - สิ่งที่ชื่นชอบที่สุด คือ การใช้ชีวิตเยี่ยงโจรสลัด
ในภาคนี้ได้ใส่เสน่ห์ของชีวิตโจรสลัดไว้อย่างดี
ตัวละครที่เป็นโจรสลัดไม่ยอมหนีไปใช้ชีวิตบนบกเพื่อซ่อนตัวจากตัวร้าย แต่เลือกจะสู้เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตในทะเลต่อไป
และการเดินเรือโดยใช้แผนที่ดวงดาว การยิงปืนใหญ่สู้กัน เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ
- - อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุก
คือมุกตลกในหนัง ความบ้าบอ ความกวนตีนของพระเอก ไม่แคร์อะไรเลยแม้จะใกล้ตาย
ซึ่งภาคนี้ก็ทำได้ดีเช่นเคย ตลกก็ตลกบ้าบอดี ดูแล้วอารมณ์ดีล้นปรี่
ภาคนี้ติดอยู่นิดเดียว
คือ ความแฟนตาซีที่ทำให้เนื้อเรื่องสนุกตื่นเต้นและได้ลุ้นว่าจะเห็นอะไรใหม่ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้บทมันอยู่ๆ
จะคิดเสกอะไรขึ้นมาก็ได้ จนรู้สึกมากไป และขาดเสน่ห์ของโจรสลัด ที่ทำให้กฎในโลกของโจรสลัดมันดูไม่แน่นอน
ไม่เด็ดขาด ใครอยากทำไรก็ทำ
“A
great pirate does not bother with such intricacies.”
สรุปแล้วสำหรับแฟนของ
Pirates
of the Caribbean น่าจะบันเทิงกับภาคนี้ได้ไม่ยาก
ด้วยส่วนผสมที่คุ้นเคย แถมยังสามารถแนะนำคนที่ไม่เคยดูให้มาลองผจญภัยด้วยกันได้ ทั้งขำทั้งระทึกแน่นอน
ด้วยฉากน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย รับรองว่าคุ้มค่าตั๋ว
แม้เนื้อเรื่องเอาแต่ใจไปหน่อย
ไม่ค่อยสมเหตุสมผล ให้ดูเอามันส์ อย่าคิดเยอะ แต่ความมันส์และมุกตลกที่ฮาก๊าก ทำให้เลิกสนใจความไม่มีเหตุผลของเรื่องได้ดี
ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ครบรสนะ
สนุกเหลือเกิน มีพลังตั้งแต่ฉากแรก ไม่น่าเบื่อ อีกทั้ง มีตัวร้ายโหดๆ
มีน้องณเดชมาขโมยซีน มีงานภาพสวยๆ ฉากแอคชั่นสุดอลัง และเป็นภาคที่จบสมบูรณ์ที่สุด
คะแนน >>>>> 8/10
เชื่อว่าใครไปดูก็สนุก
ไม่เคยดูภาคก่อนก็สนุก แต่อาจไม่อินเท่าคนเคยดู
ควรค่าแก่การไปดูเอง
วันนี้ในโรงภาพยนตร์
***ตอนจบมี End credit ด้วยนะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น