รีวิว (ไม่สปอยล์) –War of the planet of the Apes (9/10 ปิดฉากไตรภาคที่สวยงาม หนังบ้าอะไรลุ้นแทนลิง)
หนังใหม่สัปดาห์นี้ เป็นหนังภาคต่อ
ที่ทำมาดีเสมอต้นเสมอปลาย
ภาคแรกทำน้ำตา ในความสัมพันธ์ของคนกับสัตว์
ภาคสอง แสดงจุดแตกหักของคน กับวานร ได้อย่างลงตัว
จนมาภาคสุดท้าย ที่ปิดตำนาน พิภพวานรได้อย่างสวยงาม
และคงจะเป็นหนังที่ดึงดูดให้เข้าโรงมากที่สุดในสัปดาห์
และเป็นอีกเรื่องที่คะแนนจากทั่วโลก ให้ไว้สูงลิ่ว
ถามว่า น่าดู ป่ะล่ะะะะะะ?
555 ไปดูกันเลยดีกว่า
“I
did not start this war.”
วันนี้ เนื่องจากแอด เป็นแฟนคลับ
หน้ากากเต่า เลยขอรีบเขียน รีบเล่า กลัวจะไปดูไม่ทัน
เดี๋ยวจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้เลยจะรีวิวสั้นๆ กระชับ รวบรัดตัดตอน
เอาม้วนเดียวจบเลยล่ะกัน
555 เอาเป็นว่า สัปดาห์นี้ ถือคติ
หนังดี ไม่ต้องพูดเยอะ
เกริ่น เรื่องย่อ สักนิด ก่อนรีวิว
จากความถือดีของมนุษย์
ที่หมายมั่นว่าตนจะได้ปกครอง และสรรค์สร้างทุกสิ่ง
และมอบสติปัญญาให้กับพวกสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น การเอาชนะธรรมชาติ และโรคภัย จากการทดลองยารักษาอาการอัลไซเมอร์
สู่หายนะโลกครั้งใหม่ ที่มนุษย์เป็นผู้เริ่มก่อน มอบปัญญาให้ลิงก่อน และสุดท้ายยานั้นกลับเป็นเชื้อไวรัสแพร่ระบาด
คร่าชีวิตคนเกือบทั้งโลก และกลับเป็นมนุษย์เองที่อยู่ในจุดที่ใกล้สูญพันธุ์ ถือเป็นหนังไตรภาคไซไฟ-แอคชั่น
ดราม่าชั้นยอดที่เล่าเรื่องความขัดแย้งของ “คน กับ ลิง” ที่บานปลายกลายจาก Rise เป็น
Dawn
และขยายต่อเป็นสงครามล้างอารยธรรมมนุษย์ที่มีชื่อว่า
“War for the Planet of the Apes
: มหาสงครามพิภพวานร”
ภาคนี้ดำเนินเรื่องราวต่อจากภาคก่อนในเวลา
2 ปีให้หลัง ซีซาร์ (ลิงตัวเอก รับบทโดย Andy Serkis) พาเหล่าพลพรรควานรหลบการตามล่าเข้าไปอยู่ในป่าลึก
แต่ทหารก็ยังไม่ลดละที่จะกวาดล้างฝูงลิงให้สิ้นซาก รอบนี้นายพลโหด รับบทโดยวู้ดดี้
ฮาเรลสัน นำทัพทหารบุกมาถึงรังซีซาร์และทิ้งความแค้นเคืองให้กับซีซาร์อย่างที่สุด
ซีซาร์ตัดสินใจตามล้างแค้นนายพล
และทิ้งให้เหล่าวานรในความดูแลเดินทัพไปหาแหล่งที่อยู่ใหม่
การตัดสินใจครั้งนี้ของซีซาร์ส่งผลให้ทั้งตัวเขาเองและเหล่าวานรทั้งหมดต้องตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
รีวิว จบในรวดเดียว
ใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นเหล่าวานรทำสงครามกับคนมนุษย์สู้กันตูมตาม
อาจผิดหวังเสียหน่อย แต่กระนั้นนี่ก็เป็นภาคที่เพียบพร้อมด้วยความสนุกและสารดี ๆ
ที่สุดในไตรภาคแล้ว
ภาคนี้ยาวถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที
ยาวที่สุดในไตรภาคแล้ว แต่ก็เป็นภาคที่เข้มข้นที่สุด ไม่มีช่วงทิ้งให้เนือยเอื่อยแม้แต่นิด
หนังใส่สถานการณ์กระตุ้นความสนใจเข้ามาในเส้นเรื่องได้ตลอดเวลาทั้งการเปิดตัวของผู้พันโหด
ที่เก็บงำจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขาไว้ / การกำเนิดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ /
เหล่าวานรแปรพรรคที่ช่วยให้เนื้อหาเข้มข้นมากขึ้น
การเปิดตัว 2 คาแรคเตอร์ใหม่ “โนวา’ เด็กหญิงที่มาร่วมกลุ่มกับวานร
บทบาทของเธอดูเหมือนจะใส่เข้ามาเพื่อให้โทนของเรื่องดูเบาลงบ้าง
ไม่งั้นจะมีแต่ทหารกับลิงอยู่บนจอ 555 และ “วานรเลว” ที่ได้สตีฟ ซาน
ดาราตลกมารับบท ตั้งแต่โผล่หน้ามาก็ช่วยลดความเคร่งเครียดของหนังลงได้มาก
เพราะสร้างเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่ออกมา จะด้วยทั้งมุกและก็สีหน้าที่ดูตลก
และกลายเป็นลิงที่คนดูเอาใจช่วยที่สุดว่า “อย่าเป็นอะไรไปนะ”
บทหนังถือว่ายอดเยี่ยม ถ่ายทอด Film function ได้ครบ สามารถเขียนให้คนเอาใจช่วยลิง
เห็นลิงตายแล้วเสียใจ แต่คนตายแล้วสะใจได้ และน่าจะเป็นหนังที่น่าจะกระทบกระเทือนจิตใจคนรักสัตว์นะ
ดูไปแล้วก็ด่าคนไป คนรักสัตว์เชื่อว่าน้ำตาแตก แต่หนังยังไม่ใจร้ายถึงขั้นเลือดสาด
อันนี้ไม่ต้องกลัว
ตัวละครทั้งฝ่ายลิงฝ่ายคนล้วนมีความลึก มีมิติ มีที่มาที่ไปของการกระทำต่าง
ๆ ในเรื่อง ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนๆ ก็สีเทากันทั้งนั้น
ด้านงาน CG ที่ได้เสียงฮือฮามาตั้งแต่รอบสื่อที่อเมริกาแล้วว่าล้ำเลิศมาก
ก็ขอยกนิ้วให้ และนอนยันอีกเสียงว่ามัน “สมบูรณ์แบบ” ไม่ต้องพูดถึงภาพลักษณ์และการเคลื่อนไหวของบรรดาลิง
เพราะเรื่องนั้นทำได้ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่ 2 ภาคแล้ว แต่พัฒนาการที่พามาถึงจุดสูงสุดของ
“โมแคป”
ในภาคนี้คือการแสดงออกทางสีหน้าที่ถ่ายทอดการแสดงออกทางสีหน้าแววตาของนักแสดงมาได้ครบถ้วน
ผ่าน CG อันนี้คือทึ่ง และทีมงานก็ค่อนข้างจะมั่นใจในฝีมือเสียด้วยเพราะหนังเต็มไปด้วยฉาก
Close up สีหน้าบรรดาลิง ถ้าไม่แน่จริงคงไม่กล้าทำ
โดยเฉพาะแววตาที่ถ่ายทอดความรู้สึกถึงคนดูแทนคำพูดได้ครบถ้วน
เพราะลิงส่วนใหญ่จะพูดไม่ได้ มีแต่ซีซาร์ที่ภาคนี้พัฒนาการพูดได้จนเทียบเท่ามนุษย์
บทหนังค่อนข้างลงรายละเอียดเรื่องพัฒนาการพูดของซีซาร์ไว้ดี จากภาคแรกพูดได้แค่ “no” ภาค 2 พูดได้มากขึ้นแต่เป็นประโยคสั้น ๆ
และเป็นการตอกย้ำความเป็นปรมาจารย์ของ Andy Serkis
ในฐานะนักแสดงโมแคปอันดับหนึ่งของโลก ที่เคยถ่ายทอดความสามารถกับบท กอลลั่ม มาแล้ว
งานด้านเสียง และดนตรี ประกอบ ดีเยี่ยม ถึงขนาดลุ้นว่า ควรได้เข้าชิง
ออสการ์ ปีนี้
ด้านเนื้อหาของภาคนี้ท้าทายกับคุณธรรมของซีซาร์
ว่าจะอยู่เหนืออารมณ์และความเกลียดแค้นส่วนตัวของเขาได้หรือไม่ นอกจากท้าทายกับความคิดของซีซาร์แล้ว
หนังก็ยังปล่อยฉากตึงเครียด 2-3 ฉากมาเล่นกับความคิดคนดูเช่นกัน
ให้คนดูคาดเดากับการตัดสินใจของตัวละครในนาทีที่เส้นแบ่งความเป็นกับความตาย
แม้ผลสุดท้ายก็เดาได้อยู่แล้ว
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปแบบได้เครียดได้ลุ้นกันจริง ๆ
ส่วนข้อเสีย ก็คงเป็น จุดโหว่ในบท ที่พอมีให้เห็นบ้าง เพราะค่อนข้างเขียนเอาใจช่วยฝ่ายลิงจนเกินไป
แต่ชั่งน้ำหนักกับด้านดีแล้วก็ดูเป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้อภัยได้
อีกเรื่องคือ แม้ฉากพูดจะน้อย เน้นสายตา และท่าทาง แบบ
เล่นน้อยแต่ได้มาก จะทรงพลังเพียงใด แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบคิดเยอะ
อาจรู้สึกว่าหนังมันเอื่อยได้ แต่เชื่อว่าเดี๋ยวนี้ดูหนังกันเก่ง
เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหากวนใจ
เพราะข้อเสียที่เล็กน้อย และทำดีมาตลอดทั้ง 3 ภาค
จึงให้คะแนน >>> 9/10 แบบไม่กลัวโดนใครครหา
สรุปได้ว่า เป็นภาคที่เลอเลิศ และดีงาม สนุก เข้มข้น ตลอดเรื่อง
สอดแทรกนัยยะดีงาม มีเรื่องให้ต้องถามตัวเอง ภาพซีจีสุดยอด ฉากจบทำได้ยิ่งใหญ่
ปิดฉากไตรภาคได้สวยงาม และอยากให้จบแค่นี้จริง ๆ ไม่ต้องมีภาคต่อเพราะมันสมบูรณ์แล้ว
แม้จะมีข่าวจากทางฟอกซ์ว่าจะทำภาค 4 อีกนะ
ขอบอกว่า "พอเฮอออออออะ!"
ชมได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ ดู Trailer
ได้ด้านล่าง
ไหนว่าจะไม่ยาว 555
ไม่ต้องเอาหินมาขว้างแอดนะ แอดขอรีบไปดู
หน้ากากนักร้อง ก่อน 555
ติดตามรีวิวเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะหนังใหม่
ได้ทุกสัปดาห์ ใน บล็อกนะ บาย...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น