รีวิว (ไม่สปอยล์) – What Happened to Monday (8/10 พล็อตเรื่องแปลก คาดไม่ถึง ก็วินได้ไม่ยาก)
ตอนเห็นโปสเตอร์แล้วแบบ นี่มันหนังเกรด B ชัดๆ
พอดูตัวอย่าง เออ...หนังมันก็พล็อตแปลกดี น่าดู
แต่ก็ยังรู้สึกว่าหนังทุนต่ำ เกรด B เพราะเห็นเอาหนังไปลง Netflix
แต่พอดูจบ เดินออกจากโรงเท่านั้นแหละ
คำว่าหนังเกรด B หายไปจากหัว
หนังทำได้เกินคาดมาก
การดำเนินเรื่องแปลกใหม่ ชวนให้ลุ้นว่าหนังจะเป็นไงต่อ
ทำออกมาได้สนุกไม่เสียดายตัง
ตัวละครนางเอกของเรื่องแสดงได้ทรงพลัง
จากไม่ชอบนางใน Prometheus
กลับมาชอบนางมากขึ้น เพราะตีบทแตก และเปลืองตัวมาก
แต่ครึ่งเรื่องหลังหนังพอเดาได้
อยากไปดู ป่ะล่ะะะะะะ?
ไปดูกันเลยดีกว่า
What Happens To One Of You, Happen To All Of You.
ผ่านมาหลายสัปดาห์ที่ไม่ได้รีวิวหนัง ในที่สุดสัปดาห์นี้ก็มีหนังเรื่องใหม่ให้รีวิวสักที เป็นความรับผิดชอบของเพจป่ะล่ะที่ต้องไปดูเพื่อนำมารีวิวฝากทุกๆ คน วันนี้ ได้พบกับเรื่องที่รอคอยเสียที กับหนังที่เล่าเรื่องฝาแฝด 7 คนที่ต้องหลบหนีการตามล่า “What Happened to Monday” เกิดอะไรขึ้นกับวันจันทร์?
ผลงานการกำกับฯ ของ Tommy Wirkola ชาวนอร์เวย์ที่เคยกำกับฯ ‘Hansel & Gretel: Witch Hunters’ หนังเลือดสาด ล่าปีศาจโหดๆ โดยหนังมีพล็อตที่น่าสนใจตรง ตัวละครเอกต้องเล่นเป็นฝาแฝดที่มีบุคลิกและอุปนิสัยต่างกันถึง 7 แบบ และเรื่องราวมันเล่าถึงโลกอนาคตที่ประชาการล้นจนต้องออกมาตรการ
เรื่องย่อหนัง
หนังเล่าเรื่องของโลกในอนาคตที่ประชากรยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนโลกตกอยู่ภาวะประชากรล้นโลกแบบสุดๆ และรัฐบาลต้องออกมาตรการรัดเข็มขัดประชากรด้วยการกำหนดให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้เพียง 1 คน ผู้ที่ฝ่าฝืนจะได้รับโทษ ด้วยการลดคนให้เหลือเพียงหนึ่งด้วยการเอาไปแช่แข็งไว้ โดยมีกองกำลังที่ดูแลประชากรนำโดย นิโคเลต เคย์แมน (Glenn Close) ผู้ที่ออกมาบอกว่าเด็กจะถูกแช่แข็งเพื่อรอวันโลกที่ดีกว่านี้
แต่ว่าไม่ได้มีใครทำตามนโยบายกันหมดหรอก
ครอบครัวของนางเอกนี่แหละ หนักข้อสุด เพราะแม่ของเธอดันคลอดลูกสาวแฝด 7 ก่อนจะเสียชีวิตไป ชีวิตของเด็กแฝดเจ็ดมีเพียงคุณตาเทอร์เรนซ์ เซ็ตต์แมน (Willem Dafoe) เท่านั้นที่เลี้ยงดูมา ชื่อของพวกเธอถูกตั้งตามวันทั้งเจ็ด
Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday, Friday, Saturday และ Sunday
แฝดทั้งเจ็ดต่างนิสัยและบุคลิกกันอย่างสิ้นเชิง และแสดงโดยนักแสดงคนเดียวกัน คือ Noomi Rapace โดยแต่ละคนจะได้ออกไปใช้ชีวิตของตัวเองตามชื่อวันของตน และใช้ชีวิตในนาม แคเรน เซ็ตต์แมน
แต่อยู่มาวันหนึ่ง มันเดย์ กลับหายตัวไปไม่กลับมาบ้าน ทำให้ที่เหลือต้องช่วยกันเพื่อออกตามหามันเดย์ เพราะไม่มีใครรู้ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับมันเดย์”
รีวิวหนัง
หนังหยิบเอาประเด็นของวิกฤติประชากรล้นโลกในอนาคตอันใกล้มาสร้างสรรค์เป็นพล็อตได้อย่างสนุกและมีสีสัน ใครชอบหนังดิสโธเปียที่มีหญิงสตรองเป็นกบฏแนว The Hunger Games หรือ Divergent ล่ะก็ What Happened to Monday จัดเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดชม เพราะมันเหมือนเป็นหนังดิสโทเปียแบบกลายๆ เมื่อรัฐต้องออกมาตรการขึ้นมาเพื่อควบคุมประชากร
แต่อีกมุมหนึ่ง มันคือเผด็จการในคราบของความหวังดี
คุณตาของเด็กๆ เลือกที่จะเก็บเธอไว้ทั้งเจ็ดคน มันจึงมีผลตามมาให้ต้องใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้เพียงหนึ่งตัวตน ด้วยเทคโนโลยีระบุตัวบุคคลที่ทันสมัยแต่ก็มีช่องโหว่ เด็กทั้งเจ็ดต้องทำตามกฎของตาเพื่อจะได้มีชีวิตอยู่รอด เติบโตขึ้นมาเป็นสาวต่างบุคลิก ต่างความคิดกัน ด้วยการแบ่งปันเรื่องราวที่ได้ประสบมาในแต่วันเพื่อให้พี่น้องคนอื่นได้รับรู้ข้อมูลเพื่อออกไปยังโลกในวันถัดๆ ไป
ซึ่งหนังก็ใส่รายละเอียดตรงนั้นไว้พอประมาณ กลายเป็นเรื่องราวให้เราติดตาม ว่าทั้ง 7 จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ และเมื่อมีพี่น้องคนนึงหายตัวไป คนที่เหลือต้องใช้ความเป็นพี่น้องเพื่อตามหา ขณะเดียวกันก็ต้องหลบหนีการตามล่าของทางการไปด้วย
การดำเนินของเรื่องทำได้สนุก คนดูแทบไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ครึ่งแรกของหนังยังพอเดาเรื่องยาก แต่พอครึ่งหลังหนังก็เดาทางเรื่องได้เกือบหมด ทำให้ขัดใจเล็กๆ แต่การจัดวางให้มีการเกิดเหตุการณ์สองอย่างในเวลาพร้อมกันเป็นวิธีการที่ทำให้หนังดูสนุกและเพิ่มการลุ้นได้ดี ซึ่งในจุดๆนี้นั้น ช่วยกลบจุดอ่อนได้เยอะ
ประเด็นในเรื่องถือว่าดี จะว่าไปหนังก็มีการใส่ประเด็นที่ค่อนข้างหนักพอสมควร เพราะหากจะดูเพื่อเอาเนื้อเรื่องกันละก็ เอาแค่เรื่องมาตรการจำกัดการมีบุตรเพื่อประหยัดทรัพยากรนี่ก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว แต่การจำกัดบุตรให้เหลือ 1 คนโดยการให้คนที่เหลือไปเข้าห้องแช่แข็ง มันดูเป็นอะไรที่น่าเอ๊ะ ตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งหนังก็ดูตั้งใจให้รู้สึกถึงความเป็นโฆษณาชวนเชื่อว่ามาตรการแบบนี้คือความหวังดีต่อมนุษยชาติ หรือมันคือการลิดรอนสิทธิการมีชีวิตอยู่ของบุคคลหรือเปล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าคิด
ข้อดี
- หนังมีความเป็นไซไฟอยู่สูงด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ดูทันสมัย แต่ฉากบ้านเมืองเหมือนจะสกปรกกว่าปัจจุบัน ถือว่าสร้างอารมณ์ร่วมได้ดี
- ประเด็นหลักของหนังเหมือนจะเทไปในทางครอบครัว หนังพยายามจะนำเสนอประเด็นตรงนี้อย่างชัดแจ้ง ทำให้คนดูได้ขบคิดว่า ถ้าเป็นตัวเองควรจะเลือกยังไง
-หนังไม่ได้มีปริศนาแค่การหายไปของมันเดย์ ที่ใช้เป็นจุดขายของเรื่อง แต่ยังมีปริศนาสอดแทรกมาระหว่างทางอีกมากมาย ส่งให้หนังเดินหน้าไปด้วยความเข้มข้น กระตุ้นตอบอยากรู้ทุก ๆ นาที
-การสร้างสรรค์ตัวตนของทั้ง 7 ให้มีบุคลิกที่แตกต่างกัน ได้อย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้คนดูแยกแยะตัวตนของทั้ง 7 คนได้ และที่สมควรยกย่องอย่างมากคือฝีมือการแสดงของราเพซ ที่ต้องแสดงให้เห็นลักษะนิสัยที่แตกต่างกันของพี่น้องทั้ง 7 นี่ให้ได้ ซึ่งในเรื่องนี้เธอก็ทำได้เห็นชัดมาก จนต้องเอ่ยปากชม
- CG โคตรเนียน ฉากที่พี่น้องเจ็ดคนต้องร่วมโต๊ะอาหารนี่บรรเจิดมาก นางเอกเจ็ดคนปรากฏตัวบนจอพร้อมกันแล้วโต้เถียงกันไปมา และตลอดเรื่องเราได้เห็นแฝด 2 คน 3 คนอยู่ด้วยกันตลอด กอดคอกันบ้าง สู้กันบ้าง ยอดเยี่ยมสุดคือฉากระเบิดอารมณ์ใส่กัน นึกถึงตอนแสดงนะ ต้องยากน่าดู ถือเป็นการโชว์ของ Noomi Rapace ทั้งความสามารถทางการแสดงและโชว์เนื้อหนังทั้งตัวนะครับ เธอเป็นดาราที่ไม่หวงตัวมาตั้งแต่ The Girl With The Dragon Tattoo แล้ว
- ฉากแอ็คชั่นทีหนักหน่วงรุนแรง ดูสนุกมันส์ เป็นการต่อสู้ของผู้หญิงบ้าน ๆ ที่ไม่ได้มีศิลปะการป้องกันตัว หยิบสิ่งของใกล้ตัวมาจัดการคู่ต่อสู้ และเมื่อไม่ได้มีพื้นฐานที่เก่งกาจ ทำให้ฝ่ายพี่น้องตกเป็นรองอยู่เสมอ ยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้คนดูยิ่งลุ้นเอาใจช่วยหนักขึ้น อีกทั้งบางฉากก็ลงเอยแบบใจร้ายกับคนดูมาก ดูแล้วก็อึ้ง
ข้อเสีย
- ขัดใจในการเปิดเผยปริศนาหลัก ตามชื่อเรื่อง โดยไม่มีการปูหรือบิลต์อารมณ์ก่อนเฉลยเลย กลับเล่าออกมาแบบฉากธรรมดาทั่วไป ทั้งๆ ที่เป็นฉากสำคัญ ซึ่งส่งผลไปถึงบทสุดท้ายของหนัง ไม่งั้นน่าจะเข้มข้นหนักหน่วงมากขึ้น
- หนังหมดเวลาไปกับการให้คนดูรู้จักตัวตนทั้ง 7 วัน ก็เลยไม่เผื่อเวลาให้กับคนอื่นๆ อย่างบทของ นิโคเล็ตต์ เคย์แมน ฝ่ายร้ายของเรื่องที่รับบทโดย Glenn Close รุ่นเก๋าที่เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 6 ครั้ง เพราะบทเคย์แมน ถูกเขียนมาให้ร้ายแบบไม่มีที่มาที่ไป โผล่มาก็ร้ายเลย แต่ด้วยสถานะที่เธอเป็นผู้นำองค์กรควบคุมจำนวนบุตร ทำให้มองได้ว่าเจตนาของนางมันก็ไม่ได้ผิดได้เลวมาก หนังเลยต้องใส่ความผิดบาปให้เธอซ้ำเข้าไปอีกในช่วงไคลแมกซ์ แบบต้องให้เลวให้ได้ กลายเป็นว่า บทนี้ให้ใครเล่นก็ได้นะ รู้สึกเป็นการใช้งาน นักแสดงยอดฝีมือระดับนี้ ที่ไม่คุ้มค่าเลย
สรุปแล้ว
สำหรับเรา What Happened to Monday ถือว่าค่อนข้างสดใหม่ และมีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ ไม่ค่อยเจอคนทำหนังที่เรื่องราวประมาณนี้ แม้ผลลัพธ์ที่ออกมามันอาจจะไม่ใช่หนังที่ดีเริศเพอร์เฟ็กต์ แต่เราว่าเขาทำออกมาให้ดูสนุก บันเทิง น่าติดตาม ชวนลุ้น และคาดเดาได้ยาก
เอาจริงๆ แค่ได้ดูว่าแฝดทั้ง 7 ดำรงชีวิตประจำวันอย่างไร อยู่ร่วมกันอย่างไร และช่วยกันให้ชีวิตราบรื่นได้อย่างไร… มันก็น่าสนุกแล้วอะ… สำหรับเราเรื่องนี้อาจไปได้ไกลกว่านี้ เช่นทำเป็นหนังไตรภาคแบบ The Hunger Games มันอาจจะขยี้บทได้สนุก และมีอะไรให้ทำได้อีกเยอะ
ด้านงานภาพและงานแสดง เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีมาก ชอบ Noomi Rapace ขึ้นเยอะเลย แม้หนังจะมีข้อด้อยเล็กน้อย แต่ถ้าชั่งน้ำหนักโดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่ชอบนะ ถูกจริตมาก ชื่นชมผู้กำกับที่พลิกจากแนวสยองขวัญแฟนตาซีอย่าง Hensel & Gretel แล้วเอาความโหดจาก Dead Snow ที่เคยกำกับ มาผสมเป็นงานไซไฟในเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว และต้องจำชื่อ แมกซ์ บอทคิน , เคอร์รี่ วิลเลียมสัน ไว้ให้ดี คนเขียนบทที่สามารถใช้พลอตล้ำแบบนี้ออกมาเขียนเป็นบทหนังที่สนุกน่าติดตาม เพราะหนังหลาย ๆ เรื่องที่พลอตดีแต่พอขยายออกมาเป็นบทแล้วน่าเสียดายมาก
สุดท้ายหนังก็ยังฝากข้อคิดไว้ถึงสภาวะโลกถึงกำลังเสื่อมสลายลงไปทุกวันจากฝีมือมนุษย์เราเอง แม้หนังจะให้มุมมองการจำกัดประชากรที่ดูเป็นเรื่องด้านลบ แต่ก็ยังประณามว่านี่เป็นแนวคิดที่ผิดได้ไม่เต็มปากเช่นกัน เพราะจุดประสงค์ของมาตรการนี้ก็คือการต่ออายุให้กับโลกเรา
โดยสรุป What Happened to Monday เป็นหนังที่ตอบโจทย์ความบันเทิง แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ดีงามไร้ที่ติอะไร แต่ถ้าคาดหวังความสนุก ก็การันตีได้เลยว่าเรื่องนี้สนุกแน่นอน มีอะไรที่เกินคาดไปเยอะจากตัวอย่าง ฉากแอ็คชั่นก็ไม่ผิดหวัง โหด และเข้มข้นมาก เนื้อหาโดยรวมเครียดเลยล่ะ แต่ด้วยการดำเนินเรื่องที่สุดตื่นเต้นก็ทำให้เนื้อหาดูเบาลง อีกทั้งการแสดงของ Noomi Rapace ที่ ก็ชวนให้อินได้ไม่แพ้กัน
ดังนั้นให้คะแนน ความชอบส่วนตัว เอาไป >>>>> 8/10
เกร็ดเล็กก่อนจาก - หนัง Dystopia (ดิสโทเปีย) คือ สังคมในจินตนาการ ถือว่าตรงข้ามกับแนวคิดสังคมแบบยูโทเปีย โดยเป็นรูปแบบของสังคมที่มีการควบคุมทางสังคมที่โหดร้าย และรุนแรง หนังแนวนี้ที่คนรู้จักกัน ก้เช่น Hunger Games และ Divergent
พิสูจน์ด้วยตัวเอง ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ ดูตัวอย่างหนังได้ด้านล่าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น